ราคาเหรียญมีม (Meme Coin) ถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยที่แตกต่างจากสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากขาดปัจจัยพื้นฐาน (Utility) หรือโครงการที่ชัดเจน ปัจจัยหลักที่ใช้ในการดันราคาจึงเป็นเรื่องของ กระแสสังคม และ จิตวิทยาของตลาด เป็นหลัก
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาเหรียญมีม
1.พลังของชุมชนและกระแสโซเชียลมีเดีย (Community and Social Hype)
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนราคาเหรียญมีม เนื่องจากมูลค่าไม่ได้มาจากเทคโนโลยี แต่มาจากความเชื่อและความร่วมมือของผู้คน:
- กระแสไวรัล (Viral Momentum): การที่เหรียญมีมถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Twitter (X), Reddit, Telegram และ TikTok ทำให้เกิดการรับรู้และดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
- พฤติกรรมตามฝูงชน (Herd Mentality): เมื่อเห็นว่าราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนจะถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ FOMO (Fear of Missing Out) หรือความกลัวการพลาดโอกาสทำกำไร ทำให้แห่กันเข้ามาซื้อโดยไม่ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- อิทธิพลของบุคคลสำคัญ (Influencer Effect): การที่บุคคลที่มีชื่อเสียง (เช่น Elon Musk ในกรณีของ Dogecoin) หรือผู้มีอิทธิพลในวงการคริปโตออกมากล่าวถึงหรือทวีตสนับสนุนเหรียญใดเหรียญหนึ่ง สามารถทำให้ราคาทะยานขึ้นได้ทันที
2.การเก็งกำไรและความผันผวนสูง (Speculation and Volatility)
เหรียญมีมเป็นเครื่องมือการเก็งกำไรที่รุนแรงที่สุดในตลาดคริปโต:
- ความผันผวนสูง (High Volatility): การที่ราคาเปลี่ยนแปลงได้หลายสิบหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในชั่วข้ามคืน ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะสั้น ซึ่งการเข้าซื้ออย่างบ้าคลั่งนี้เองที่ดันราคาให้สูงขึ้น
- ราคาเริ่มต้นที่ต่ำมาก: เหรียญมีมส่วนใหญ่มักมีราคาต่อเหรียญต่ำมาก (เช่น มีทศนิยมหลายตำแหน่ง) ทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อเหรียญได้จำนวน “ล้านเหรียญ” ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย สร้างแรงจูงใจทางจิตวิทยาว่ามีโอกาสทำกำไรได้มหาศาลหากราคาขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
3.กลไกตลาดและสภาพคล่อง (Market Mechanics and Liquidity)
- ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume): เมื่อกระแสสังคมเกิดขึ้น จะมีปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก การซื้อขายจำนวนมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้จะทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว (เนื่องจากมีการซื้อมากกว่าขายอย่างเห็นได้ชัด)
- การปั่นราคา (Pump and Dump): ผู้ถือเหรียญรายใหญ่ (Whales) หรือกลุ่มที่รวมตัวกัน มักใช้กระแส FOMO เป็นจังหวะในการเข้าซื้อเหรียญในปริมาณมากเพื่อ “ปั่น” ราคา จากนั้นจึงเทขายเพื่อทำกำไรก้อนใหญ่ ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อตามกระแสขาดทุนในที่สุด
- อุปทานที่ไม่มีขีดจำกัด/ขีดจำกัดสูง: เหรียญมีมหลายตัวมีอุปทานที่สูงมากหรือไม่มีขีดจำกัด แต่ในช่วงที่กระแสแรง ความต้องการ (Demand) จะสูงเกินกว่าอุปทานในช่วงเวลานั้น ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
4.สภาพตลาดคริปโตโดยรวม (Overall Crypto Market Health)
- ตลาดขาขึ้นของ Bitcoin (Bull Run): ราคาเหรียญมีมมักจะพุ่งสูงสุดในช่วงที่ตลาดคริปโตโดยรวมเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยที่พลาดโอกาสจาก Bitcoin หรือมองหาทางเลือกที่ “ราคาถูกกว่า” จะแห่กันเข้ามาในตลาดเหรียญมีมแทน
สำหรับใครที่ซื้อเหรียญมีมแล้วยังราคาไม่ขึ้นก็รอต่ออีกสักนิดครับ เพราะตอนนี้คนส่วนมากรู้แล้วว่าเหรียญมีมเอามาเกร็งกำไรเท่านั้น จะให้ราคาขึ้นสูงๆเหมือนเมื่อก่อนก็อาจจะยากสักเล็กน้อย
แต่ถ้าถึงเวลาที่มันวิ่งเมื่อไหร่ บอกเลยว่ากำไรยิ่งกว่าถูกหวยซะอีกครับ
Comments are closed